article
S.L.M Winterthur
หัวรถจักรดีเซล เอส แอล เอ็ม วินเตอร์เชอร์ รุ่น 21 - 22 หัวรถจักรรุ่นนี้มีจำนวน 2 คัน
กำลัง 200 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม.
รถจักรดีเซลรุ่นแรกที่นำมาใช้ในเมืองไทย  และเป็นประเทศแรกในเอเชียอาคเนย์ที่ได้นำรถจักรดีเซลมาใช้
ประเทศผู้สร้าง  สวิสเซอร์แลนด์
นำมาใช้ในปี พ.ศ. 2471
หัวรถจักรประวัติศาสตร์คันนี้ปัจจุบันตั้งอยู่ที่หน้าตึกบัญชาการรถไฟ




Davenport 580

หัวรถจักรดีเซล Davenport รุ่น 571 - 585 หัวรถจักรรุ่นนี้มีจำนวน 15 คัน
กำลัง 2 คูณ 500 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 92 กม./ชม.
ประเทศผู้สร้าง  สหรัฐอเมริกา
นำมาใช้ในปี พ.ศ. 2498
ปัจจุบันเลิกใช้งานและถูกตัดออกจากบัญชีแล้ว
ภาพนี้ถ่ายที่ โรงรถจักรดีเซลบางซื่อ

 

HUNSLED
หัวรจักรดีเซล HUNSLED รุ่น 23 - 27 รถจักรรุ่นนี้มีจำนวน 5 คัน
สั่งซื้อจากประเทศอังกฤษ
เครื่องยนต์ 8 สูบ 240 แรงม้า
ความเร็วสูงสุด 19.5 กม./ชม.
ใช้งานเมื่อ ปี พ.ศ. 2508
ปัจจุบันบางคันยังใช้งานอยู่โดยใช้ในการสับเปลี่ยนเพื่อทำขบวนรถไฟ บริเวณสถานี
คันนี้เลิกใช้งานแล้ว ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์รถไฟ ชมรมเรารักรถไฟ หลังสวนจตุจักร เปิดให้เข้าชมในวันเสาร์ - อาทิตย์  ตั้งแต่เวลา 0700 - 1200 น.

หัวรถจักรดีเซล HENSCHEL รุ่น 3001 - 3027 รถจักรรุ่นนี้มีจำนวน 27 คัน
กำลัง 1200 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม.
ประเทศผู้สร้าง   เยอรมัน
เป็นหัวรถจักรดีเซลที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮโดรลิค  เรียกกันว่า "ดีเซลไฮโดรลิค"
นำมาใช้งานเมื่อ ปี พ.ศ. 2507
เลิกใช้งานแล้ว
ปัจจุบันเลิกใช้งานและตัดบัญชีไปแล้ว 
ภาพนี้ถ่ายที่ โรงรถจักรธนบุรี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปรถไฟฟ้า

 
 
   
 โดยที่ตู้รถไฟฟ้าแบบ C-car ที่เพิ่มเข้าไปใหม่นั้น เรียกว่า C1-car มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากเดิมคือ
  • เสาราวจับแบบ 3 ก้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารซึ่งจะมีราวจับเพิ่มมากขึ้น
  • เพิ่มพื้นที่สำหรับรถเข็นผู้พิการ พร้อมเข็มขัดนิรภัยสำหรับจับยึดรถเข็นผู้พิการและราวจับให้
  • มีการติดตั้งเครื่องแปลงพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กจาก 750 VDC เป็น 400 VAC เพื่อจ่ายให้กับอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศภายในตู้โดยสารใหม่โดยเฉพาะ
  • มีการนำเอาระบบควบคุมการห้ามล้อแบบใหม่เรียกว่า EP2002 ซึ่งตัวอุปกรณ์จะรวมระบบการควบคุมด้วยลมและไฟฟ้าอยู่ในอุปกรณ์เดียวกัน
  • มีวงจรปรับอากาศ 2 วัฏจักร ใช้น้ำยาปรับอากาศ R407C
ลักษณะต่อพ่วงของรถไฟฟ้า 4 ตู้ คือ A-C-C1-A



ระบบขับเคลื่อนของรถไฟฟ้าได้รับแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 750 โวลท์ (DC Voltage) จากรางที่สาม (Third Rail Traction Power) ผ่านชุดแปลงกระแสไฟฟ้าสลับระบบขับเคลื่อน (Traction Convertor Units) เพื่อจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับให้กับชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนที่ติดตั้งอยู่บนเพลาล้อของรถ A-car ทั้งสองตู้ ในทำนองเดียวกันตู้รถไฟฟ้า C-car ทั้งสองตู้ตรงกลางได้รับแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 750 โวลท์จากรางที่สาม (Third Rail Traction Power) แปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส 400 โวลท์ และไฟฟ้ากระแสตรง 110 โวลท์ เพื่อใช้ในระบบปรับอากาศ และชาร์จแบตเตอรี่ ตามลำดับ
ขบวนรถไฟฟ้า 4 มีความยาวตลอดทั้งขบวน 86.6 เมตร กว้าง 3.12 เมตร รองรับผู้โดยสารได้สุงสุดจำนวน 1490 คน (มีผู้โดยสารนั่งเต็มทุกที่นั่ง และ ผู้โดยสารยื่น) ที่น้ำหนักบรรทุก (Load Condition) 8 คน ต่อ ตารางเมตร จำนวนที่นั่งผู้โดยสาร 42 ที่นั่ง ต่อ ตู้ และ 168 ที่นั่งทั้งขบวน มีประตูโดยสารเลื่อนปิดเปิดด้านนอกตัวรถ (Sliding door) ควบคุมการทำงานด้วยระบบควบคุมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีความกว้างเมื่อเปิดสุด 1.4 เมตร จำนวน 16 บานต่อด้าน ตัวรถทำด้วยเหล็กปลอดสนิม ติดตั้งระบบปรับอากาศ พร้อมหน้าต่างชนิดกันแสง
 
  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รางรถไฟในประเทศไทย

ประเภทของรถจักร